ค่าน้ำมันรถ ที่ต้องนำมาใช้กับรถของกิจการหรือรถที่ได้ทำสัญญาเช่าใช้หรือยินยอมให้ใช้ เท่านั้น ที่ต้องมีการบันทึกเลขทะเบียนรถที่เติมน้ำมันไว้ในใบกำกับภาษี ด้วยลายมือของเด็กปั๊ม
ค่าน้ำมันรถกระบะเชิงพาณิชย์, จักรยานยนต์ หรือรถยนต์นั่งเกิน 10 ที่นั่ง เท่านั้น ที่สามารถนำมาเครดิตภาษีได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดีเซล(โซล่า) หรือน้ำมันเบนซิน(แก๊สโซฮอล์) แต่ถ้าเป็นรถยนต์นั่งไม่เกิน 10 ที่นั่ง ไม่ว่าจะใช้น้ำมันดีเซลหรือเบนซินก็ไม่สามารถเครดิตภาษีได้ ที่ใบกำกับภาษีซื้อที่จะนำมาใช้เครดิตภาษีซื้อได้ ต้องเป็นใบกำกับภาษีซื้อแบบเต็มรูปแบบเท่านั้น แบบอย่างย่อไม่สามารถนำมาใช้เครดิตภาษีได้ ที่กรณีที่ใบกำกับภาษีซื้อแบบเต็มรูปแบบที่เป็นกระดาษ Thermal (กระดาษความร้อน) เมื่อผ่านช่วงเวลาสักระยะข้อมูลจะจางหายไปหมด
ดังนั้นไม่ความนำมาใช้ แม้ว่าจะมีนำมาถ่ายเอกสารก่อน สรรพากรก็ไม่ยอมเพราะว่า ใบกำกับภาษีที่นำมาเครดิตนั้นต้องเป็นใบกำกับภาษีตัวจริงเท่านั้น หากว่าใบกำกับภาษีตัวจริงจางหายไป ก็ต้องขอให้บริษัทผู้ออกใบกำกับภาษีนั้นๆ ถ่ายสำเนาจากต้นฉบับแล้วทำการรับรองว่าเป็น ใบแทนใบกำกับภาษี ที่ออกให้กับ ………..เนื่องจาก …………….. เมื่อวันที่ ……….. พร้อมเซ็นชื่อประทับตราของผู้ออกใบกำกับภาษี จึงจะสามารถนำมาใช้ได้ ที่ใบกำกับภาษีที่จะนำมาใช้เครดิตภาษี ต้องมีข้อความครบถ้วน ม.86/4 ทั้ง 8 ข้อ ตามที่ประมวลรัษฎากร ได้กำหนดไว้ จึงจะนำใบกำกับภาษีซื้อดังกล่าวมาเครดิตภาษีได้ แต่หากว่าใบกำกับภาษีดังกล่าวมีข้อความครบถ้วนแล้ว แต่ไม่นำมาเครดิตภาษีซื้อ ก็จะทำให้กลายเป็นภาษีซื้อไม่ขอคืน ผลก็คือ จะกลายเป็น ค่าใช้จ่ายต้องห้าม ที่จะต้องนำมาบวกกลับ เพื่อเสียภาษีเพิ่มเติม แต่หากใบกำกับภาษีนั้นมีข้อความไม่ครบถ้วน 8 ข้อ ตามข้างต้น ก็สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายได้ทั้งจำนวน ข้อความที่กำหนดให้มีปรากฏอยู่ในใบกำกับภาษีทั้ง 8 ข้อ ได้แก่
1. คำว่า “ ใบกำกับภาษี “
2. ชื่อ – ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้ขาย
3. ชื่อ – ที่อยู่ของผู้ซื้อ (ในที่นี้คือ บจ. แบริ่งฯ )
4. เลขที่ใบกำกับภาษี
5. ชื่อ ชนิด ประเภท ปริมาณ และมูลค่าของสินค้า/บริการ
6. จำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มของสินค้า/บริการ แยกออกมาให้ชัดเจน
7. วันเดือนปีที่ออกใบกำกับภาษี
8. อื่นๆ ตามอธิบดีกำหนด ทต้องมีการ
จัดทำบันทึกการเดินทางของรถแต่ละคันในแต่ละวันว่าใช้ในการใดบ้าง เพื่อป้องกันข้อโต้แย้งของสรรพากร