ลักษณะของโครงการลงทุนระยะยาว การลงทุนที่จะพูดในหัวข้อนี้เป็นการลงทุนในโครงการลงทุนระยะยาวที่จะก่อให้เกิดรายได้ให้แก่กิจการนานเกินกว่า 1 ปีขึ้นไป และการลงทุนนั้นจะต้องใช้เงินลงทุนจํานวนมากรายได้ที่เข้ามาไม่สามารถจะคุ้มกับเงินลงทุนได้ในเวลาอันสั้น เช่น 1 ปีได้ดังนั้น การลงทุนระยะยาวนี้จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะถ้าตัดสินใจไปแล้ว กิจการจะต้องผูกพันตัวเองเป็นเวลานาน ซึ่งถ้าตัดสินใจถูกก็จะทําให้เพิ่มมูลค่าให้แก่กิจการเพิ่มความมั่งคั่งให้แก่เจ้าของแต่ถ้าตัดสินใจผิดพลาดก็อาจจะหมายถึงความล้มเหลวของกิจการ ขั้นตอนในการวิเคราะห์เพื่อตัดสินใจลงทุนในโครงการลงทุนระยะยาว เพื่อให้การตัดสินใจในการลงทุนเป็นไปอย่างรอบคอบ กิจการจึงควรวิเคราะห์ตามตอน ต่าง ๆ ดังนี้
1). พิจารณาข้อเสนอหรือทางเลือกในการลงทุนโครงการที่จะนับเป็นโครงการลงทุนระยะยาวในที่นี้อาจแบ่งได้เป็น – โครงการใหม่ที่กิจการไม่เคยทํามาก่อนเลย – ขยายธุรกิจที่มีอยู่เดิม เช่นเพิ่มสายผ
ลิตภัณฑ์ใหม่จากที่เคยขายอยู่เดิม – เปลี่ยนแทนทรัพย์สินถาวรที่ใช้อยู่เดิม เนื่องจากสินทรัพย์ถาวรที่มีอยู่เดิมล่าสมัย2). ประมาณกระแสเงินสดของโครงการลงทุนการประมาณการกระแสเงินสดของโครงการลงทุนต่างๆนั้น สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนคือ 2.1 ประมาณกระแสเงินสดจขายสุทธิหมายถึง จํานวนเงนสดทั้่งสิ้นที่ผู้ลงทุนจะต้องจ่ายเพื่อให้โครงการพร้อมที่จะดําเนนการ ซึ่งถ้าป็นกรณีซื้อเครื่องจักรใหม่มาเปลี่ยนแทน
เครื่องจักรเก่า การคํานวณกระแสเงินสดจ่ายลงทุนสุทธิจะต้องนําเงินสดรับสุทธิที่ได้จากการจําหน่ายเครื่องจักรเก่ามาหักออกด้วย กล่าวคือจะใชกระแสเงินสดส่วนที่เพิ่มขึ้น(Incremental Cash Flow) เป็นหลักในการตัดสนใจ 2.2 ประมาณกระแสเงินสดสุทธิจากการดําเนินงานตามโครงการรายป็หมายถึง ผลต่างของกระแสเงินสดรับและกระแสเงนสดจ่ายที่เกิดขึ้นในแต่ละปตลอดอายุโครงการซึ่งอาจแบ่งไดเป็นเงินสดระหว่างดําเนินการ (Operation Period) และเงินสดรับเข้าเมื่อสิ้นสุดโครงการ (Terminal Period) และถ้าเป็นกรณีซื้อเครื่องจักรใหม่มาเปลี่ยนแทนเครื่องจักรเก่า การคํานวณกระแสเงินสดสุทธิที่พิจารณาก็ต้องเป็นกระแสเงินสดส่วนที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
3). ประเมินค่าโครงการลงทุนเมื่อได้คํานวณหาประมาณ
กระแสเงินสดจ่ายสุทธิและกระแสเงินสดสุทธิจากการดําเนินงานตามโครงการ ( Projected Cash Flow)ของโครงการแล้ว ต่อจากนั้นก็จะนําตัวเลขเหล่านั้นไปประเมินค่าเพื่อตัดสินใจต่อไป สําหรับเทคนิคที่นิยมใช้ใน การประเมินข้อเสนอหรือทางเลือกในการลงทุน มีดังนี้ 3.1 ระยะเวลาคืนทุน (Payback Period) 3.2 มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Value) 3.3 ดัชนีชี้กําไร (Profitability Index) 3.4 อัตราผลตอบแทนของโครงการ (Internal Rate of Return) ซึ่งวิธีต่าง ๆ เหล่านี้เป็นเทคนิคหรือเครื่องมือทางการเงินที่จะใช้ชี้ว่าโครงการต่าง ๆนี้ควรจะลงทุนหรือไม่
4). ตัดสินใจหลังจากที่ได้ประเมินค่าโครงการลงทุนโดยวิธีการในข้อ 3 แล้ว ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะลงทุนหรือไม่ ผู้ประกอบการควรพิจารณาถึงประเภทของโครงการลงทุนก่อนว่าโครงการนั้นเป็นโครงการอิสระ โครงการลงทุนที่ขึ้นต่อกัน หรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้การตัดสินใจลงทุนถูกต้องมากยิ่งขึ้น