การปรับปรุงพร้อมกับมาตรฐาน
เป็นประเด็นที่นักบัญชีหลายคนอาจมองข้ามไป โดยเน้นพุ่งประเด็น ด้วยการไปมองที่มาตรฐานการบัญชี และการรายงานทางการเงินเป็นหลัก ซึ่งหัวใจสำคัญของการจัดทำบัญชีที่นักบัญชีควรศึกษาก็คือ แม่บทการบัญชี ซึ่งถือได้ว่าการที่นักบัญชีเข้าใจถึงแม่บทการบัญชี ก็คือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการศึกษามาตรฐานการบัญชี และยังเป็นจุดเชื่อมโยงเรื่องราวของมาตรฐานการบัญชี เพื่อที่จะทำให้เกิดความเข้าใจ และปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง
ข้อสมมติฐานทางการบัญชี แม่บทการบัญชี ได้มีการปรับปรุงพร้อมกับมาตรฐานการบัญชี และมาตรฐานรายงานทางการเงิน จากที่ผ่านมาได้มีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้การรายงานทางการเงินเกิดมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น โดยข้อสมมติฐานที่ได้พูดถึงในแม่บทการบัญชีนั้น ประกอบไปด้วย เกณฑ์คงค้าง ซึ่งตามแม่บทการบัญชี คือ รายการ และเหตุการณ์ทางบัญชีที่จะรับรู้ได้ เมื่อเกิดเหตุ การณ์ที่มิใช่เมื่อมีการรับหรือจ่ายเงินสด หรือเป็นรายการเทียบเท่าเงินสด ซึ่งรายการทางบัญชีนั้น จะถูกบันทึกบัญชีไว้ตามงวดบัญชีที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งอาจมีการสอดคล้องกับงบการเงินที่จะต้องจัดทำตามหลักเกณฑ์คงค้าง เมื่อนักบัญชีหลงลืมแม่บทการบัญชี นักบัญชีที่หลงลืมแม่บทการบัญชี อาจจะทำให้มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับเกณฑ์คงค้าง และยังรวมถึงเกณฑ์สิทธิ โดยคิดว่ามันคือหลักเกณฑ์เดียวกัน เพราะอาจจะเห็นว่าภาษาอังกฤษที่ใช้ว่า Accrual Basis เหมือนกัน แต่ความจริงแล้วมันคนละตัว ซึ่งเกณฑ์คงค้าง เป็นหลักเกณฑ์รับรู้ทางบัญชีในการคำนวณเรื่องกำไรขาดทุนทางบัญชี ด้วยการคิดคำนวณตามวิธีการรับรู้รายได้
และค่าใช้จ่ายที่เป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีที่เกี่ยวข้อง แต่การเกณฑ์สิทธิ เป็นเกณฑ์การรับรู้ทางภาษี ซึ่งสำหรับการคำนวณกำไรเพื่อเสียภาษีเงินได้หรือนิติบุคคล ส่วนใหญ่จะคิดคำนวณตามหลักเกณฑ์การยอมรับเป็นรายได้หรือรายจ่ายที่เกิดขึ้นตามประมวลรัษฎากร การดำเนินงานต่อเนื่อง
การดำเนินงานต่อเนื่องหรือ Going Concern ซึ่งข้อสมมติฐานการบัญชีนี้เป็นหลักการทั่วไปที่สามารถเห็น หรือบอกได้ว่ารายการที่แสดงในงบการเงิน ได้ถูกจัดทำขึ้นตามข้อสมมติฐานที่ว่ากิจการนั้นจะดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง และดำรงอยู่ต่อไปในอนาคต
แต่ในกรณีที่กิจการมีเจตนาหรือความจำเป็นที่จะใช้หลักเกณฑ์อื่นแทนนั้น ก็สามารถทำได้ แต่จะต้องเปิดเผยหลักเกณฑ์นั้นในงบการเงินด้วย สิ่งสำคัญที่นักบัญชีควรต้องทำความเข้าใจ หลักการรับรู้รายการตามที่แม่บทการบัญชีกำหนด ซึ่งการรับรู้รายการของสินทรัพย์ ควรรับรู้ในงบแสดงฐานะการเงิน
โดยจะต้องมีเงื่อนไขว่า มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ ที่กิจการจะได้ประโยชน์เชิงเศรษฐกิจในอนาคต และมีราคาทุน หรือมีมูลค่าที่สามารถวัดได้อย่างน่าเชื่อถือ ส่วนการรับรู้รายการของหนี้สิน คือ ควรรับรู้ในงบแสดงฐานะการเงิน โดจะต้องมีเงื่อน ไขว่า มีความเป็นไปได้ค่อนข้างแน่ที่กิจการจะสูญเสียประโยชน์เชิงเศรษฐกิจของทรัพยากร เพื่อเป็นการชำระภาระผูกพันในปัจจุบัน
และจะต้องสามารถวัดได้อย่างน่าเชื่อถือ นอกจากนี้จะต้องรับรู้รายได้และการรับรู้ค่าใช้จ่าย เพื่อให้รับรู้ในงบกำไรขาดทุน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของสินทรัพย์หรือลดลงของหนี้สินรวมถึงการรับรู้ในงบกำไรขาดทุนอีกด้วย